วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ความเรียง

ในความเยาว์มีเรื่องเล่าซ่อนอยู่
“เด็กชาย-สายน้ำ-วัยเยาว์”
สุมาตร ภูลายยาว

ข้าพเจ้านั่งนิ่งคิดเรื่องราวเรื่อยเปื่อยทั้งมีสาระ-ไร้สาระ ขณะสายตาเหม่อมองออกไปยังเบื้องหน้า ข้างหน้านั้นมีแม่น้ำสายหนึ่งปรากฏอยู่ ตะวันบ่ายคล้อยลงไปแล้ว ต้นเสี้ยวริมฝั่งน้ำทอดเงาขนานไปกับบันไดทางลงไปสู่แม่น้ำ เสียงเด็กดังขึ้นมาจากสายน้ำทำให้ต้องหยุดคิดเรื่องราวต่างๆ ลง ข้าพเจ้ามองไปยังที่มาของเสียง แล้วจึงพบว่า เสียงนั้นเป็นเสียงของเด็กชายสองคน ขณะเฝ้ามองเด็กทั้งสองเริงร่าอยู่ในสายน้ำ ข้าพเจ้าก็หวนระลึกถึงเรื่องราวในวัยเยาว์ของตัวเอง...
ทุกครั้งที่หวนระลึกถึงเรื่องราวในวัยเยาว์ เหมือนว่าเรื่องราวเหล่านั้นได้พาเราเดินทางไปสู่หน้าสมุดบันทึกที่เก็บงำเรื่องราวต่างๆ ไว้ในลิ้นชักของความทรงจำ ในวัยเยาว์ข้าพเจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กชายทั้งสองคนในขณะนี้
เด็กชายผู้เป็นเงาร่างของวัยเยาว์ บ่ายคล้อยหลังเลิกเรียน ทั้งสองมักมุ่งหน้าสู่แม่น้ำ เมื่อมาถึงท่าน้ำทั้งสองก็เดินลงไปตามขั้นบันได หน้าแล้งน้ำในแม่น้ำใหญ่ลดระดับลง บันไดทุกขั้นอันเป็นทางลงไปสู่แม่น้ำจึงโผล่พ้นน้ำ ขณะทั้งสองค่อยๆ ก้าวเดินไปตามขั้นบันไดทีละขั้นอย่างเชื่องช้าระมัดระวังนั้น ความจริงแล้ว บันไดแต่ละขั้นหากไม่เปรียบเปรยจนเกินเลยนัก มันก็คือการก้าวเดินไปสู่ช่วงวัยของคนเรานั่นเอง ถัดจากเด็กทั้งสองไปมีสุนัขพันทางสีดำตัวหนึ่ง บัดนี้มันกำลังเดินตามทั้งสองลงมาอย่างเงียบเชียบ...สุนัขตัวนั้นบางทีเจ้าของมันอาจเป็นคนใดคนหนึ่งในสองคน
เย็นย่ำอาทิตย์เริ่มคลี่คลายผ่อนแสง แดดผีตากผ้าอ้อมบนฉากฟ้าตะวันตกใกล้จางหายไป ในที่ไกลออกไปจากทั้งสอง บนท้องน้ำอันแคบหดสั้นลงในหน้าแล้ง ขบวนเรือแข่งรอบชิงชนะเลิศประเภทเรือยาว ๒๐ ฝีพายกำลังจะออกจากจุดเริ่มต้น ฝีพายแต่ละคนต่างจ้วงพายเป็นจังหวะตามที่ซ้อมกันมา เรือพุ่งไปข้างหน้าตามแรงพาย เสียงกองเชียร์ดังไปทั่วท้องน้ำ ว่ากันว่านี่คือวิถีหนึ่งของคนกับน้ำที่ไม่เคยแยกขาดจากกันอย่างถาวร
เมื่อทั้งสองเดินลงมาจนถึงบันไดขั้นสุดท้าย เพียงเท้าแรกสัมผัสกับน้ำ รอยยิ้มละไมก็ปรากฏขึ้นมา เติ้ลชักเท้ากลับอย่างรวดเร็วเมื่อเท้าข้างขาวสัมผัสน้ำเพียงนิดเดียว เพราะแม้จะเป็นหน้าแล้ง น้ำในแม่น้ำยังดำรงไว้ซึ่งความเย็นไม่ต่างจากหน้าหนาว ไม่นานนักพอทั้งสองลงว่ายเล่นในน้ำจนคุ้นชินแล้ว สุนัขสีดำตัวนั้นถูกกอดรัด และบังคับขู่เข็ญกึ่งจูง กึ่งลากให้ลงสู่แม่น้ำ สุนัขพยายามดิ้นรนมากเท่าใด มันก็ยิ่งโดนรัดรึงด้วยมือทั้งสี่มากขึ้นเท่านั้น ในที่สุดทั้งสุนัขและคนก็ลงไปลอยคออยู่ในน้ำ
ผู้ใหญ่บางคนเคยบอกเอาไว้ว่า เด็กเชียงของเกิดกับแม่น้ำของ--โขงต้องรู้จักแม่น้ำสายนี้ไม่มากก็น้อย ในหนึ่งครั้งของชีวิตต้องได้กระโจนลงไปแหวกว่ายในแม่น้ำสายนี้ การได้ลงแหวกว่ายในแม่น้ำจึงว่าถือเป็นการเริ่มต้นอย่างสมบูรณ์ในการเป็นลูกน้ำของ
เสียงน้ำกระเพื่อมจากแรงตีของเด็กชายทั้งสองดังมาพร้อมกับเสียงหัวเราะเริงร่า บางครั้งทั้งสองก็ดำผุดดำว่ายวนเวียนกลับไป-กลับมาระหว่างแม่น้ำกับริมตลิ่ง เนิ่นนาน...เด็กทั้งสองจะขึ้นมายืนบนริมตลิ่งแล้วเฝ้ามองเรื่องราวที่กำลังดำเนินไปบนสายน้ำ
ในบางเรื่องราวของแม่น้ำ เด็กๆ อย่างทั้งสองอาจไม่เข้าใจมันมากนัก แต่เพราะความเยาว์พวกเขาได้ถูกปล่อยให้เรียนรู้เรื่องราวของแม่น้ำด้วยตัวเอง แม่น้ำได้หล่อหลอม และขัดเกลาเด็กชายแห่งสายน้ำทั้งสองให้กล้าแกร่งด้วยการดำผุดดำว่ายวันแล้ววันเล่า จนกว่าหน้าแล้งจะผ่านพ้นไป...
เด็กทั้งสองกลับขึ้นมายังริมตลิ่งด้วยเสื้อผ้าเปียกปอน และค่อยๆ ขึ้นมาตามขั้นบันไดที่ทอดยาวลงไปสู่แม่น้ำ บัดนี้โรงเรียนแม่น้ำได้สอนพวกข้าพเจ้าให้เข้าใจในบทเรียนนอกตำราเรียนอันหาเรียนที่ใดไม่ได้อีกแล้วในโรงเรียน...
ว่ากันว่าแม่น้ำสายนี้คือโรงเรียนที่ไร้ครูสอน และไม่จำเป็นต้องกางหน้ากระดาษใดๆ มาจดบันทึก การจมน้ำและกลืนน้ำเข้าไป ๓-๔ อึก คือการบันทึกความทรงจำที่ยากลืมลง เช่นกัน ในวัยเด็ก ข้าพเจ้าเคยจมดิ่งลงสู่ก้นแม่น้ำลึก ครั้งนั้นแทบเอาชีวิตรอดกลับมาไม่ได้ แต่บทเรียนในครั้งนั้นก็สอนให้ข้าพเจ้าได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า แม่น้ำอันตรายเสมอสำหรับเรา และถ้าเราน้อมกายค้อมคารวะแม่น้ำด้วยความรัก เราก็จะรู้ว่า ในการเดินทางไปสู่ความทรงจำที่กล่าวมานั้น เราล้วนอยู่บนเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างการเป็นอยู่และการจากไป...
หน้าแล้งสายน้ำของยังคงไหลหล่อเลี้ยงผู้คนเช่นหลายร้อยปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกันผู้คนก็ได้เข้าใจสายน้ำมาแล้วหลายชั่วอายุคนเช่นกัน
บางคนเคยบอกข้าพเจ้าว่า แม่น้ำจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อแม่น้ำโกรธเกรี้ยว นั้นคงไม่ผิดปาบนักที่จะกล่าวเช่นนั้น เพราะเมื่อหน้าฝนมาเยือน สายน้ำจะโถมทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้า เพื่อการไหลอย่างอิสระ
น้ำเดินทางไกลมาให้คนได้ใช้ประโยชน์มาหลายปีดีดัก แล้วเราผู้ได้รับความเอื้ออาทรจากสายน้ำ เราได้ทำอะไรเป็นการตอบแทนสายน้ำแล้วหรือยัง...
ทีกับเติ้ลเดินขึ้นบันไดอันสูงชันทอดตัวขึ้นไปยังริมฝั่งน้ำบนแผ่นดินอย่างเชื่องช้า ใบหน้าอาบอิ่มด้วยรอยยิ้ม สุนัขพันทางสีดำตัวนั้นวิ่งเหยาะๆ ตามทั้งสองขึ้นไป จุดหมายปลายทางของเรื่องเล่าในวัยเยาว์ของแต่ละคน แต่ในวันนี้ทีกับเติ้ลได้ร่วมกันสร้างเรื่องเล่าของพวกข้าพเจ้าขึ้นมา เรื่องเล่าวัยเยาว์ของเด็กชายแห่งสายน้ำ
เมื่อเด็กทั้งสองเดินขึ้นไปถึงถนนและเดินลับหายจากสายตาไป ข้าพเจ้าค่อยๆ รูดม่านความคิดในวัยเยาว์ลงอย่างช้าๆ ก่อนหันหน้าสบตากับความว่างเปล่าในเงาไหวของใบไม้ริมฝั่งน้ำ
เรื่องราวของเด็กชายแห่งสายน้ำได้จบลงแล้วพร้อมๆ กับรอยทรงจำบางรอยที่เผยออกมาและเดินทางพลัดหลงไปสู่วิมานแห่งความเงียบงันอย่างช้าๆ เนิ่นนาน...
แดดผีตากผ้าอ้อมจากหายลับแนวดอยหลวงไปแล้ว สายน้ำเย็นเยียบลงกว่าเดิม เด็กชายทั้งสองกระโจนขึ้นจากน้ำ หลังดำผุดดำว่ายเนิ่นนาน เวลาแห่งการเรียนรู้สำหรับลูกชายแห่งสายน้ำของสำหรับทั้งสองในวันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว พร้อมกับเรือพายในงานประเพณีแข่งเรือลำสุดท้ายเดินทางเข้าสู่เส้นชัยอย่างช้าๆ นาฏกรรมเหนือลำน้ำได้สิ้นสุดการเริงร่าลงเช่นกัน...



ไม่มีความคิดเห็น: