วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2550

บทกวี

ยามเช้าของชีวิตคือการร้องไห้

หญิงคนหนึ่งคลุมผ้าสีขาวบนศีรษะ
เดินผ่านม่านหมอกสีเทาทึบ
ในยามเช้าของชีวิต ยามสายแดดจาง
ส้นตีนเธอกระแทกรอยเท้าใหม่ทับรอยเท้าเก่า
นิ้วทั้งห้าของลำแขนเกาะกุมข้อมือน้อยเบาๆ

นั่น,เสียงลูกน้อยร้องไห้ตามหลัง
มันสะเทือนใจเกินไปใช่ไหม เด็กน้อย
เมืองกับเมืองและเรื่องเล่าที่ต่างกัน
นานมาแล้วที่ใครบางคนเดินทางกลับมา
มันนานพอกับการจากไปของใครบางคน

ในยามเช้าสงบเงียบ ลมทะเลพัดโชยมา
เสียงแห่งศรัทธาแว่วมาพร้อมเสียงระรัวของประทัดเมืองดังก้อง
เสาหลักของบ้านไม้หลังเก่าไม่กลับมาอีกแล้ว
“ยามเช้าของชีวิตคือ การร้องไห้”
นางบอกกับมัสยิดเปื้อนเลือดหลังนั้น

บทกวี

กลับบ้าน

ไม้หมอนล้มลงเรียงรายถมทางเพื่อเป็นทาง
เสียงรถไฟเปิดหวูดแว่วมา
บทเพลงแห่งการเดินทางเริ่มต้น....
เสียงล้อเหล็กบดขยี้รางเหล็กระงมร้อง!!
พระจันทร์ร่ายรำอยู่นอกหน้าต่าง
รัตติกาลห่มคลุมม่านหมอกของความสว่างไสว...
ถนนคู่ขนานคับแคบ-ยาวไกล
ป่ารกทึบข้างทาง...
ความเวิ้งว้างของทางขนาน, เปล่าเปลี่ยว
รางทั้งสองครั้งหนึ่งเคยพาให้ลาจากเคหสถาน
คนไกลบ้านไร้ญาติแต่ไม่ขาดมิตร
วิกลจริตเพียงชั่วยามพลัดหลง...
นานเท่าใดแล้วที่คนจรไม่คืนสู่บ้าน?
บทเพลงคนไกลบ้านกระหน่ำเตือน
ในโลกแห่งวิญญาณพเนจร....
ทิศทางแห่งการกลับบ้านนั้นแสนเงียบเหงา
ชั่วยามที่เปลวเพลิงแห่งความคิดถึงบ้านมอดดับ
บทเพลงแห่งคนไกลบ้านแผ่วเบาเงียบหายไปกับสายลม
คนไกลบ้านคืนสู่บ้าน....ด้วยทางขนาดคู่นั้น