วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ความเรียง

ในความเยาว์มีเรื่องเล่าซ่อนอยู่
“เด็กชายหาปลาแห่งสาละวิน”
สุมาตร ภูลายยาว

หาดทรายสีน้ำตาลทอดยาวไปตามริมฝั่งลำน้ำ เป็นเสมือนการเริ่มต้นบทละครแห่งการจากพรากของฤดูกาล สายน้ำเชี่ยวยิ่งกว่าหน้าฝนที่ผ่านมา ไอหมอกระรื่อระบายสีขาวเหนือสายน้ำ เสียงไม้พายเรือตกกระทบกับสายน้ำจากแรงคนดังมาแผ่วเบา ความหนาวเย็นไม่จางหายไปจากยามเช้าของฤดูหนาว แต่ในความหนาวเย็นนั้นมันกลับปลุกห้วงหัวใจของคนบางคนให้ตื่นขึ้นมา
ปรีชาเด็กชายวัย ๑๑ ขวบกำลังอยู่บนเรือลำนั้น ซึ่งขณะนี้มันค่อยๆ เคลื่อนตัวไปบนสายน้ำด้วยความเชื่องช้า ด้วยแรงพายที่มีเพียงน้อยนิดของปรีชา เรือจึงไม่สามารถที่จะไปได้เร็วกว่านี้ บนเรือลำนั้นนอกจากจะมีปรีชาแล้วยังมีอเนกเด็กชายวัยใกล้เคียงกันกับปรีชา ทั้งสองคนกำลังเดินทางออกสู่สายน้ำแห่งพรมแดนที่พวกเขาคุ้นเคย
แม้ว่าจะหนาวเหน็บอยู่บ้าง แต่ดูเหมือนว่าเด็กชายทั้งสองจะคุ้นชินกับความหนาวเย็นนั้น อาจเป็นเพราะทั้งสองเกิดในหมู่บ้านริมฝั่งน้ำ พวกเขาจึงคุ้นชินกับสายน้ำที่เก็บความหนาวเย็นของมันเอาไว้ตลอดเวลา
จุดหมายปลายทางของอเนกและปรีชาอยู่ตรงแก่งหินที่ตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำข้างหน้า ที่ตรงนั้นมันมีจา (อวน) ดักปลารอพวกเขาอยู่ การเริ่มต้นของการเป็นคนหาปลาของทั้งสองคนในวันที่ความหนาวมาเยือนจึงเกิดขึ้นในวันนี้
เรือลำนั้นค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าหาเป้าหมายของมันอย่างช้าๆ เมื่อถึงจุดหมายตรงที่มีเครื่องมาหาปลาของพวกเขารออยู่ อเนกก็กลายมาเป็นนายท้ายเรือไปโดยปริยาย ส่วนปรีชาเป็นคนที่ต้องทำหน้าที่ของพรานปลาผู้จะต้องนำปลาที่ติดอยู่ในอวนดักปลาของเขาขึ้นมาจากน้ำ
ในยามที่สายน้ำยังคงไหลเอื่อยไปอย่างช้าๆ ชั่วขณะแห่งการเดินทางของเรือกับคนออกจากท่าสู่แม่น้ำ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าในใจของทั้งสองคนคิดอะไรอยู่ พวกเขาคิดถึง ความสุข, ความทุกข์,ความเศร้า,หรือแม้แต่ดีใจ,เสียใจ การแสดงออกซึ่งอาการเหล่านั้นบางครั้งมันไม่ได้แสงดออกมาทางร่างกาย แต่มันกับถูกเก็บงำไว้ภายใต้ความเยาว์ของพวกเขา
ปรีชายกปลาตัวหนึ่งที่เพิ่งปลอดออกมาจากตาข่ายส่งมาให้อเนกซึ่งตอนนี้กำลังนั่งอย่างสบายอารมณ์อยู่ที่ท้ายเรือ ปลาสีดำตัวนั้นแม้ไม่ใหญ่มาก แต่มันก็คงสร้างความดีใจแห่งกับทั้งสองได้พอสมควร เพราะว่าตอนนี้บนฝั่งมีคนรอซื้อปลาจากพวกเขาทั้งสองคนอยู่แล้ว ในห้วงยามอย่างนี้ปรีชาและอเนกคงคิดถึงขนมหลากสี ซึ่งกำลังจะได้มาจากการแลกเปลี่ยนด้วยปลาตัวนี้ หรือว่าบางทีพวกเขาอาจไม่ได้คิดถึงขนมหลากสี แล้วพวกเขาจะคิดถึงอะไรกันเล่า.......
ทั้งสองคนอาจจะไม่รู้จักไก่ทอด KFC และอาหารจานด่วนสีสันหลากตาหรือแม้แต่สุกี้รสเลิศ แต่พวกเขาทั้งสองกลับรู้ว่า ในยามใดต้องหาปลาด้วยวิธีการอย่างไร และปลาที่ได้เป็นปลาชนิดไหน ทำอาหารอะไรอร่อย แน่นอนพวกเขาย่อมรู้เรื่องราวเหล่านี้ เพราะพวกเขาเป็นคนหาปลานั่นเอง
ชีวิตของปรีชาและอเนกไม่ใช่เรื่องราวที่เด็กคนอื่นหรือแม้แต่ผู้ใหญ่บางคนจะจับต้องไม่ได้ เพราะเรื่องราวของพวกเขาเป็นเรื่องราวชีวิตของคนที่เกิดและเติบโตในหมู่บ้านริมแม่น้ำ ซึ่งยังคงหลงใหลอยู่กับการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติโดยมีสายน้ำเป็นแม่ และมีภูเขา ป่าไม้เป็นพ่อ หากเปิดดวงตาก็จะมองเห็น หากเปิดหัวใจเรื่องราวของพวกเขาก็จะพุ่งทะยานเข้าสู่ส่วนลึกของจิตใจได้ไม่ยาก
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน แสงแดดของยามเช้าเริ่มส่องประกายเล็ดลอดไอหมอกออกมา เรือและคนหาปลาก็เริ่มเดินทางกลับมายังฝั่งอีกครั้ง รอยยิ้มน้อยๆ ปลุกดวงใจน้อยๆ ของทั้งสองให้ตื่นขึ้นมารับกับยามเช้าที่สดใสอีกหนึ่งวัน แต่พรุ่งนี้ไม่มีใครรู้ว่า ร้อยยิ้มแบบนี้จะกลับมาอีกหือเปล่า เพราะปลาใช่ว่าจะหาได้ทุกวัน การออกเรือไปหาปลาก็เหมือนกับการฝากชีวิตไว้กับการเสี่ยงโชค เพราะปลามันว่ายวนเวียนอยู่ในแม่น้ำซึ่งกว้างใหญ่ ถ้าวันไหนได้ปลาก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ปลาก็ต้องบอกว่า พรุ่งนี้เอาใหม่นั่นเอง
“ผมหาปลาอยู่ริมฝั่งใกล้ๆ กับหมู่บ้าน เพราะถ้าเป็นฝั่งโน้น (พม่า) น้ำแรงไม่กล้าไป แต่ถ้าไปกับพ่อไปอยู่ วันนี้ได้ปลาด้วย ตอนเย็นก็ต้องได้อีก” ปรีชาบอกกับคนที่เฝ้ารอซื้อปลาจากเขาที่อยู่บนฝั่งด้วยภาษาไทยกระท่อนกระแท่น ก่อนที่เขาจะยิ้มเริงร่าอวดฟันหลอหลายซี่ของตัวเอง

ตีพิมพ์ครั้งแรก เสาร์สวัสดี ๑๒ มีนาคม ๒๕๔๘

ไม่มีความคิดเห็น: