วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เรื่องสั้น

เรื่องสั้นแปล :
“หญิงสาวขายยาสูบ”
เขียนโดย รุ่งอรุณ แดนวิไล
ถอดความโดย สุมาตร ภูลายยาว

ข้าพเจ้ามาอยู่บ้านหลังนี้ได้เกือบปีแล้ว, ถ้าจะให้พูดก็พูดได้ว่าบ้านที่ข้าพเจ้าอยู่นี้มันตั้งอยู่ในคุ้มบ้านของคนที่ทำการค้าขาย เพราะสังเกตได้จากบ้านที่อยู่ฟากตรงข้ามนั้นก็เป็นร้านขายอาหาร, ร้านขายอุปกรณ์สำนักงาน, ร้านขายหนังสือ และบริษัทจัดจำหน่ายสินค้า ส่วนบ้านที่ตั้งอยู่ในละแวกเดียวกันและติดกับบ้านของข้าพเจ้า ๒-๓ หลังก็ขายก๋วยเตียว ถัดจากร้านขายก๋วยเตียวไปก็เป็นร้านเสริมสวย ต่อจากร้านเสริมสวยไปก็เป็นร้านขายบุหรี่ที่เป็นร้านแบบง่ายๆ มีโต๊ะหนึ่งตัวสำหรับตั้งตู้กระจกเพื่อวางบุหรี่ แลโต๊ะตัวนี้มันก็สามารถจะโยกย้ายไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย ถัดจากโต๊ะตัวนั้นมาก็มีเก้าอี้ ๓-๔ ตัว เจ้าของร้านขายบุหรี่ร้านนี้เป็นผู้หญิงและที่สำคัญเธอยังไม่ได้แต่งงาน!
ข้าพเจ้าเห็นเธอนั่งขายบุหรี่อยู่อย่างนั้นตั้งแต่วันที่ข้าพเจ้าย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ครั้งแรก ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นเธอไปเที่ยวไหนสักครั้งเดียว แต่ก็มีหนุ่มโสดหรือแม้กระทั่งคนมีลูกเมียแล้วยังมาซื้อบุหรี่กับเธอ ซึ่งส่วนมากก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์มา หรือบางทีก็มีรถส่วนตัวคันงามมาจอดแวะซื้อบุหรี่กับเธอ, นานๆ จึงจะขับจากไป, ข้าพเจ้าเห็นเธอต้อนรับลูกค้าคนนี้ดีเป็นพิเศษ จนบางครั้งข้าพเจ้าเองก็รู้สึกอิจฉาเขา
ข้าพเจ้าเฝ้ามองเธออยู่ห่างๆ ทุกคืนข้าพเจ้าจะยกเก้าอี้ออกมานั่งอยู่ตรงระเบียงชั้น ๒ ของบ้าน ข้าพเจ้าเฝ้าขโมยติดตามดูเธอนั่งขายบุหรี่อยู่ตรงริมถนนหน้าบ้านของเธอทุกวัน จนกว่าว่าเธอจะยกตู้กระจกใส่บุหรี่ตู้นั้นเข้าไปในบ้านแล้วไม่กลับออกมาอีกนั้นแหละ ข้าพเจ้าจึงเข้านอน
“อยากเข้าไปหาเธอ, แต่จะไปนั่งคุยเฉยๆ บางทีเธออาจจะรู้สึกไม่ดีก็ได้” ข้าพเจ้าคิด
ถ้าหากพูดเรื่องบุหรี่แล้ว, ข้าพเจ้าไม่เคยแม้แต่จะเอามันมาใกล้ปากเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีเพื่อนฝูงหลายคนเคยทวงถามถึงเรื่องนี้ แต่ข้าพเจ้าก็ตอบเพื่อนว่า บุหรี่นอกจากจะทำให้สูญเงินแล้ว มันยังทำลายสุขภาพอีกด้วย
ข้าพเจ้าไม่เคยตำหนิคนที่ดูดบุหรี่ทั่วไป แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ชอบนิสัยของคนดูดบุหรี่บางคนที่ดูดบุหรี่ไม่เป็นที่เป็นทาง นั่งดูดบุหรี่แล้วเขี่ยขี้ยาหรือทิ้งก้นยาไปเรื่อย, ซึ่งการทิ้งนั้นมันก็ก่อให้เกิดผลสะท้อนต่อคนรอบข้างไปด้วยเช่นกัน บางทีก็ทำให้สถานที่ดูไม่งามตา หรือบางทีที่ร้ายไปกว่านั้นเคยมีไฟไหม้ซึ่งเกิดจากก้นบุหรี่ที่ถูกทิ้งไปบนเศษขยะติดไฟง่ายมาแล้ว
วันนี้ข้าพเจ้าตัดสินใจเดินเข้าไปหาเธอ-หญิงสาวขายบุหรี่
“ซื้อบุหรี่หน่อย”
“เอายี่ห้ออะไรจ๊ะพี่”
“เอาบุหรี่ ๓๕”
ข้าพเจ้าตอบออกไปโดยไม่ได้คิดว่าบุหรี่ที่ข้าพเจ้ากำลังจะซื้อมันเป็นบุหรี่ชนิดที่คนหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับข้าพเจ้าเขานิยมดูดกันในตอนนี้หรือไม่
เธอยื่นม้วนบุหรี่และไฟแช็กมาให้ข้าพเจ้าเรียบร้อย, ข้าพเจ้ารับเอาบุหรี่ตัวนั้นมาคาบไว้บนริมฝีปากแล้วปัดไฟแช็กใส่มันทันที แต่ดูเหมือนว่าบุหรี่เจ้ากรรมม้วนนี้มันไม่ได้ไหม้เลยแม้แต่น้อย, มันเป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า แทนที่ข้าพเจ้าจะดูดเอาควันบุหรี่เข้าไปในปอด แต่ข้าพเจ้ากลับเป่าลมออกมาข้างนอก ข้าพเจ้านั่งเป่าบุหรี่อยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน, เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเธอ, สุดท้ายก่อนจากมา ข้าพเจ้าก็เลยซื้อบุหรี่หนึ่งซองจากเธอติดมือกลับบ้านด้วย
จากวันนั้นมาข้าพเจ้าก็แวะเวียนไปซื้อบุหรี่ที่ร้านของเธอทุกๆ วัน บางครั้งก็นั่งดูดอยู่ที่ร้าน และหาเรื่องมาคุยกับเธอ จนในที่สุดข้าพเจ้ากับเธอ-เราก็สนิทสนมกัน แต่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าได้เพิ่มรายจ่ายประจำวันให้กับตัวเองขึ้นอีก และในเวลาที่พบกับเพื่อนฝูง ถ้าเพื่อนคนใดยื่นบุหรี่มาให้ ข้าพเจ้าก็ไม่ปฏิเสธมันเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มาอีกต่อไป
“อย่างนี้แหละเขาจึงเรียกว่าลูกผู้ชาย”
“อย่างนี้แหละจึงจะอยู่ในสมาคมกับเพื่อนได้”
ประโยคเหล่านี้เป็นถ้อยคำชมเชยของเพื่อนบางคน ซึ่งดูเหมือนว่ามันมีส่วนในการทำให้ข้าพเจ้าสามารถจะใกล้ชิดกับเพื่อนๆ ได้เพิ่มขึ้น
คืนหนึ่งดึกดื่นพอสมควร, รถวิ่งอยู่บนถนนลดน้อยลง, ข้าพเจ้ายังนั่งดูดบุหรี่อย่างสบายอารมณ์อยู่ที่ร้านของเธอ
ในความมืดมิดนั้น, ข้าพเจ้าและเธอนั่งสบตากันและกันเป็นบางครั้ง ดวงตาของเธอคู่นั้นมันช่างอ่อนหวาน และดึงดูดเอาหัวใจของข้าพเจ้าให้ใฝ่ฝันจนยากจะกล่าวสิ่งใดสิ่งหนึ่งกับเธอ
“ทำไมไม่เห็นเธอไปเที่ยวไหนเลยสักครั้ง?” ข้าพเจ้าถาม
“ไม่มีใครพาไปเที่ยวก็เลยไม่ได้ไป”
เธอกล่าวออกมา, ในถ้อยคำตอบของเธอนั้น มันช่างเหมือนที่ข้าพเจ้าคิดไว้เสียเหลือเกิน
“ก็นัดให้แฟนมารับไปเที่ยวสิ”
“น้องยังไม่มีแฟนเลย”
“ไม่เชื่อหรอก, อาจเป็นเพราะน้องกำลังเบื่ออยู่มากกว่ามั่ง”
เธอก้มหน้าต่ำลงและพูดขึ้นมาด้วยเสียงเบาๆ แต่น้ำเสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความจริงใจ
“ถ้าบอกว่าไม่เลือกก็ไม่ถูก, น้องไม่ชอบผู้ชายดูดบุหรี่ แต่ผู้ชายที่มาคุยกับน้องทำไมถึงมีแต่คนที่ดูดบุหรี่เก่งๆ ก็ไม่รู้!!...?”

....................................... ๐ ๐ ..................................

รุ่งอรุณ แดนวิไล เกิดเมื่อปี ๑๙๖๒ ในครอบครัวชาวนา ที่เมืองนาทรายทอง กำแพงนครเวียงจัน จบปริญญาตรีวิชาวรรณคดี-ภาษาลาว จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติ เข้าทำงานที่วารสารวรรณศิลป์ปี ๑๙๘๘ เริ่มมีผลงานที่เป็นเรื่องสั้นและบทกวีปรากฏตามหน้าวารสารและหนังสือพิมพ์ต่างๆ มาตั้งแต่ปี ๑๙๖๘ มีผลงานรวมเล่มแล้วคือ “สาวขายยาสูบ” (รวมเรื่องสั้น) “น้ำใจ” (รวมบทกวี) หนังสือประกอบรูปภาพสำหรับเด็ก รวมทั้งหนังสือนิทานอีกจำนวนหนึ่ง มีผลงานรวมเล่นมาแล้วประมาณ ๑๐ กว่าเล่ม ปัจจุบันเป็นรองหัวหน้าอำนวยการ และบรรณาธิการวารสารวรรณศิลป์

ไม่มีความคิดเห็น: